โหนกระแส วันนี้ หญิงถูก หนุ่มคลั่งรัก คุกคามไม่เลิกหลังไม่รับรัก แค้นทุบรถ ขู่ฆ่า แสดงตัวชัดเจน ไม่ชอบ ไม่เคยคบ ไม่เคยเป็นแฟน แต่โดนคุกคามไม่เลิก ไลน์มาขอแต่งงาน รายการโหนกระแสวันนี้ (11 ส.ค.65) ได้เชิญ “คุณปุ๋ย” หญิงสาวซึ่งตกเป็นเหยื่อจนต้องออกมาร้องเรียนกับสื่อหลังถูกชายคลั่งรักตามคุกคาม ทุบรถ ขู่ฆ่า เหตุมาจากฝ่ายหญิงไม่เล่นด้วย ในรายการ “หนุ่ม” กรรชัย กำเนิดพลอย เริ่มถามที่มาที่ไปถึงปมของเรื่อง
คุณปุ๋ย เริ่มเล่าว่า เธอเปิดธุรกิจร้านอาหาร ร้านเสริมความงาม ส่วนหนุ่มคลั่งรัก
ชื่อ “ฟ่ง” เป็นหนึ่งในลูกค้าที่มาทานข้าวที่ร้าน โดยเธอทำธุรกิจมา 4-5 เดือน เดือนถัดมาพนักงานในร้านเริ่มทักว่า ชายคนนี้มองเธอตลอดเวลา ตอนนั้นคุรปุ๋ยบอกว่าไม่คิดอะไรมากเพราะคุ้นเคยกับการมองของลูกค้าอยู่แล้ว ส่วนสาเหตุที่ทำให้เริ่มมีการติดต่อทางบัญชีโซเชียล คุณปุ๋ย เล่าว่า วันนั้นฝ่ายชายมาขอความช่วยเหลือ โอนค่าไฟให้ หลังโอนค่าไฟ ส่งสลิปก็มีการแลกไลน์กัน ต่อมาอีกราว 2 สัปดาห์ มีการส่งข้อความชวนไปเที่ยว ชวนกินข้าว คุณปุ๋ยตอบชัดในรายการโหนกระแสยืนยันแสดงออกชัดเจนว่า ไม่ได้ชอบ
คุณปุ๋ย เล่าต่อถึงปมที่ทำให้ฝ่ายชายได้เบอร์โทรศัพท์ของเธอ โดยเกิดจากตอนที่คุณแม่ไม่สบาย คุณปุ๋ยไม่ได้อยู่ที่ร้านอาหาร ฝ่ายชายคลั่งรักมาไม่เจอ เลยไปหาเบอร์โทรศัพท์จากที่เคยโพสต์รับสมัครงาน ตอนแรก คุณปุ๋ย ยอมรับว่า ตกใจ พฤติกรรมคุกคามยังคงมีมาเรื่อยๆ หนักสุด คือ ช่องทางไลน์ มีการส่งข้อความรูปแม่ปป่วยไปให้ดู ฝ่ายหญิงมีการตำหนิและแจ้งว่าจะไม่คุยด้วยถ้ายังมีคำพูดรุนแรง เมื่อฝ่ายหญิงบอกปฏิเสธเริ่มถูกคุกคามหนักขึ้น กระทั่งโดนทุบรถตามที่มีข่าวก่อนหน้านี้
คอนโดเลี้ยงสุนัขได้ อยู่แถวไหน หลังอุทาหรณ์คนชอบฝืนกฎ เลี้ยงสุนัขในคอนโด โดนศาลปรับอ่วม 1.4 แสน จ่ายค่าทนายแทนฝ่ายที่พัก ค่าส่วนกลางอีกวันละ 500 บาท เฟซบุ๊กแฟนเพจ PropCons เพจให้ข้อมูลข่าวสารด้านอสังหาริมทรัพย์และการลงทุน ได้โพสต์ข้อมูลวานนี้ (13 ส.ค.65) โดยเป็นภาพคำพิพากษาศาลที่สั่งให้ ลูกบ้านรายหนึ่งชดใช้เงินหลังจากฝ่าฝืนกฎของทางคอนโด แอบเลี้ยงสัตว์ภายในอาคาร
เนื้อหาจากโพสต์ ระบุข้อความว่า “โดนค่าปรับไปแบบจุกๆ 141,500 บาท ถ้านิติคอนโดต่างๆ หันมาเอาจริงเรื่องนี้ มีให้รางวัลคนแจ้งเบาะแสด้วยนะ หู้ยย รับรองเจออีกเพียบ ได้ค่าปรับเข้านิติอื้อออ”
ข้อความท้ายโพสต์ยังได้มีการแนะนำ คอนโดเลี้ยงสุนัขได้ เพื่อไม่ให้ผู้เช่าคนอื่นๆ ที่มีพฤติกรรมชอบแอบเลี้ยงแสนรัก โดยฝ่าฝืนกฎของที่พักไว้ด้วย
ทั้งนี้ ตามคำสั่งศาลลูกบ้านรายนี้ต้องชดใช้เงินจำนวน 141,500 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี รวมถึง ค่าส่วนกลาง อีกวันละ 500 บาท และลูกบ้านเลี้ยงสุนัขที่โดนปรับไปล่าสุด ยังจะต้องจ่ายค่าทนายแทนให้กับฝั่งคอนโดอีก 5000 บาท เป็นการจบคดีระหว่างผู้เช่ากับฝ่ายอาคารคอนโดในที่สุด
ฝรั่งจับปลานกแก้ว เกาะพีพี ล่าสุด ทราบชื่อเรือก่อเหตุแล้ว
อธิบดี อส. สั่งตรวจสอบคลิปต่างชาติล่าปลานกแก้ว อยู่ในเขตอุทยานฯ เร่งดำเนินคดีตามกฏหมาย ล่าสุด ทราบชื่อเรือก่อเหตุแล้ว กรณีข่าว ฝรั่งจับปลานกแก้ว เกาะพีพี ล่าสุด วันที่ 11 สิงหาคม 2565 นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ตามที่เพจ “หมอแล็บแพนด้า” ได้โพสต์ชายชาวต่างชาติได้มีการโพสต์คลิปวีดีโอในแอปพลิเคชัน TikTok
ขณะกำลังจับปลานกแก้ว ซึ่งถูกระบุว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย โดยทางเพจได้ระบุข้อความว่า “มีคนแจ้งเข้ามาเยอะเลยครับ ชาวต่างชาติโพสต์ติ๊กต็อกจับปลานกแก้วในบ้านเราเป็นพวงเลย เอาไงดี” ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งทำการตรวจสอบทันที
สำหรับ เจ้าของโพสต์ TikTok ใช้ชื่อบัญชี roslanofficial ช่องทาง ผ่าน https://www.tiktok.com/@roslanofficial จากการตรวจสอบพบคลิปชายหนุ่ม และกัปตันเรือ ยืนถือปลานกแก้ว 3 ตัว ปลาไม่ทราบชนิด 2 ตัว และใช้มีดแทงหัวปลาไหลทะเล 1 ตัว
โดยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ได้ประสานเจ้าหน้าที่สำนักทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 10 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เข้าดำเนินการตรวจสอบพื้นที่บริเวณเกิดเหตุ จากการตรวจสอบพบพื้นที่เกิดเหตุอยู่บริเวณเกาะพีพีเล เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี
เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการรวบรวมหลักฐานเปรียบเทียบพิกัดที่เกิดเหตุตามคลิปวิดีโอดังกล่าว ซึ่งทราบว่าเรือที่ก่อเหตุชื่อเรือ “เอวาริน” ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายและกฏหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีประกาศฉบับลงวันที่ 11 สิงหาคม 2558 ห้ามกระทำการใดๆ อันเป็นการรบกวน เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือทำอันตรายกับสัตว์ต่างๆ ทุกชนิดในอุทยานแห่งชาติ หากฝ่าฝืนจะมีความผิดและต้องรับโทษตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 มาตรา 16(3) นำสัตว์ออกไปหรือทำอันตรายด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ ประกอบกับ มาตรา 21 ให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจออกคำสั่งให้ผู้กระทำความผิดตามมาตรา 16 ออกจากเขตอุทยานแห่งชาติ หรือ งดเว้นการกระทำใดๆ ในเขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่งถือว่าเป็นความผิดตามมาตรา 24 ผู้ใดฝ่าฝืน มาตรา 16(3) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป